ดร.สิริพร บุญญานันต์*
อภิชาติ ทองน้อย**
o การเสริมสร้างพลังอำนาจของครูนี้อันดับแรกจะต้องเริ่มต้นที่ตัวครูเองก่อน โดยครูเองจะต้องเข้าใจว่าบทบาทของตัวเองในโรงเรียนคืออะไร หน้าที่ของครูก็คือการให้ความรู้และอบรมเด็กเพื่อให้สามารถโตขึ้นเป็นพลเมืองที่ดี สามารถดำรงตนอยู่ได้ในสังคมได้เป็นอย่างดี ฉะนั้นครูจะต้องเข้าใจหน้าที่ของตัว นอกเหนือจากวิชาที่ตนเองสอนแล้วครูจะต้องเข้าใจโลก ทั้งโลกที่อยู่ใกล้ๆ ตัวเด็กและโลกที่ไกลตัวออกไป ครูมีหน้าที่เปิดโลกทัศน์ให้เด็กเห็นว่า จากตรงที่เขาอยู่มันจะเป็นยังไงบ้างเมื่อขยายออกไปสู่วงกว้างหรือสังคมที่กว้างขวางออกไป
o 1. ครูจะต้องหาความรู้ โดยต้องมีนิสัยใฝ่รู้ ต้องการอยากจะรู้อยู่ตลอดเวลา รู้วิธีที่จะหาความรู้ ไม่เพียงแค่การบอกให้ผู้เรียนเป็นผู้ที่จะต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต แต่ตัวครูเองก็จะต้องเป็นผู้ที่มีการเรียนรู้ตลอดชีวิตเช่นเดียวกัน เช่น ครูบางคนสอนนักเรียนมาเป็นเวลากว่า 20 ปีแต่มีการใช้หนังสืออยู่เล่มเดียวหรือชีทเพียงเล่มเดียวสอนมาตลอด ซึ่งโลกนี้มันเปลี่ยนไปอยู่ตลอดเวลา ถ้าครูยังคงใช้วิธีการสอนเป็นเดิมอย่างเดิมร้อยเปอร์เซ็นต์เด็กก็จะไม่ได้ประโยชน์เท่าที่ควรจะได้ ครูจะต้องใฝ่รู้ ต้องพยายามติดตามข่าวที่คิดว่าเป็นประโยชน์ที่คิดว่าจะนำมาบอกกล่าวให้ลูกศิษย์ได้ เพราะถ้าหากครูยังคงเป็นอยู่อย่างเดิม คือ เช้าขึ้นมาหิ้วกระเป๋าออกจากบ้านไปทำหน้าที่สอน จบแล้วก็หิ้วกระเป๋ากลับบ้านวนเวียนอยู่อย่างนั้นปีแล้วปีเล่ามันก็ไม่เกิดอะไรที่พัฒนาขึ้น ฉะนั้นครูเองจะต้องรู้สึกว่าตนเองนั้นคือผู้ชี้ทางหรือเปิดโลกให้กับเด็ก ถ้ารู้สึกอย่างนั้นเมื่อไหร่แล้วครูก็จะหนลู่ทางที่จะช่วย นอกจากการหาความรู้แล้วครูจะต้องมีทักษะต่างๆ ประกอบด้วย เช่น จิตวิทยาในการสอนเด็กเล็ก เด็กโต เพราะบางทีจะมีเทคนิค วิธีการ และนวัตกรรมใหม่ๆ เกิดขึ้นในกระบวนการจัดการเรียนการสอน อันนี้ครูจะต้องดูว่ามีอะไรที่เหมาะกับเด็กเหล่านี้บ้าง แล้วนำมาเข้ากระบวนการในห้องเรียน
o 2. ระบบ หมายถึง ระบบที่จะเข้ามาช่วยให้ครูมีความใฝ่รู้ ครูอยากจะช่วยให้เด็กมีผลการเรียนที่ดี แต่ถ้าระบบที่ว่านี้มันไม่ดีก็จะเป็นในทางตรงกันข้ามคือจะทำให้ครูท้อ ส่วนคนที่ไม่ท้อก็จะทำงานด้วยความเหนื่อยยาก ซึ่งระบบที่จะช่วยก็จะมีหลายข้อหลายประการ อันแรกสุด คือ กำลังใจให้กับคนที่เข้ามาเป็นครู ให้มองเห็นความก้าวหน้าของตัวเอง ว่าเมื่อเข้ามาเป็นครูแล้วจะต้องมีความเสียสละอะไรก็ตามว่ากันไปตามทฤษฎีที่มีมาก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็มีระบบที่จะช่วยให้ครูได้มีขวัญกำลังใจอยู่มากมาย แม้จะยังไม่ค่อยสะดวกโยธินอะไรมากนัก คือ ทางเดินยังขรุขระอยู่บ้างแต่ครูต้องเข้าใจว่างานในสายวิชาชีพครูนี้ไม่ใช่จะต้องจมดินจมทรายอยู่อย่างนั้นตลอดชีวิต หากแต่มันยังมีทางที่จะเติบโตขึ้นมาได้ เช่น ครูบางคนอาจจะอยากเติบโต ขยับขยายเข้าไปอยู่ในเมืองเพื่อให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น แต่ต่อไปนี้ก็มีจะการส่งเสริมให้ครูอยู่กับที่มากขึ้น ฉะนั้นจะต้องทำให้ครูเห็นความก้าวหน้าในสายวิชาชีพของตนเองก่อน แล้วก็หาโอกาสที่จะก้าวหน้าให้แก่ตนเองอย่างการไปศึกษาต่อระดับปริญญาโท ปริญญาเอก เป็นต้น
-----------------------------------------------------
* ดร.สิริพร บุญญานันต์ : กรรมการสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) หรือ สมศ. (ผู้ให้สัมภาษณ์)
** อภิชาติ ทองน้อย : อาจารย์มหาวิทยาลัย, นักวิจัยอิสระ (ผู้สัมภาษณ์)
***บทความนี้สัมภาษณ์เมื่อวันอังคารที่ 7 ธันวาคม 2553
ณ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) กรุงเทพมหานคร
สงวนลิขสิทธิ์
หากต้องการนำเนื้อหาในบทความไปเผยแพร่ในเชิงวิชาการ
กรุณาติดต่อขออนุญาตทางอีเมลนี้ : ashtonbkk@gmail.com