เบญจวรรณ จินดารัตน์*
อภิชาติ ทองน้อย**
บทคัดย่อ
การศึกษาวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ ดังนี้
1. เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านและการเขียนของนักเรียนที่มีข้อบกพร่องด้านการอ่านและการเขียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนชุมชนบ้านพงสตา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปัตตานี เขต 2 โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านและการเขียน
2. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ในการอ่านและเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1โรงเรียนชุมชนบ้านพงสตา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปัตตานี เขต 2 ก่อนใช้และหลังใช้
3. เพื่อศึกษาระดับเจตคติของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะ การอ่านและการเขียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2552 โรงเรียนชุมชนบ้านพงสตา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปัตตานี เขต 2 จำนวน 27 คน
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ประกอบด้วย แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 9 แผน ใช้เวลา 18 ชั่วโมง แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านและการเขียน
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 9 เรื่อง
แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนของแบบฝึกเสริมทักษะ การอ่านและ
การเขียนแต่ละเรื่อง แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียน
และหลังเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จำนวน
30 ข้อ และแบบสอบถามเจตคติของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้
แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านและการเขียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จำนวน
12 ข้อ
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ยเลขคณิต ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าร้อยละ ค่าดัชนีความสอดคล้อง ค่าความยากง่าย ค่าอำนาจจำแนก ค่าประสิทธิภาพ ค่าความเชื่อมั่น และการทดสอบค่าที (t-test)
ผลการศึกษา พบว่า
1. ความสามารถในการอ่านและการเขียนของนักเรียนที่มีข้อบกพร่อง
ด้านการอ่านและการเขียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านและการเขียน โรงเรียนชุมชนบ้านพงสตา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปัตตานี เขต 2 หลังเรียนสูงกว่า
ก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
2. แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านและการเขียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่ผู้ศึกษาสร้างขึ้นมีค่าประสิทธิภาพเท่ากับ
80.08 / 84.57 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่ตั้งไว้ (E1/E2 = 80/80)
3. ระดับเจตคติของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึก
เสริมทักษะการอ่านและการเขียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษา
ปีที่ 1 โรงเรียนชุมชนบ้านพงสตา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปัตตานี เขต 2 เฉลี่ยโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.72
ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.41 และความเชื่อมั่นของแบบวัดเจตคติของ
นักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่าน
และการเขียนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยที่สร้างขึ้นมีค่าเท่ากับ 0.78
*เบญจวรรณ จินดารัตน์ : ครูชำนาญการ โรงเรียนชุมชนบ้านพงสตา
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปัตตานี เขต 2
** อภิชาติ ทองน้อย : อาจารย์มหาวิทยาลัย, นักวิจัยอิสระ (ผู้เผยแพร่)
ปีที่เผยแพร่ : 2553
สงวนลิขสิทธิ์
หากต้องการนำเนื้อหาในบทความไปเผยแพร่ในเชิงวิชาการ
กรุณาติดต่อขออนุญาตทางอีเมลนี้ : ashtonbkk@gmail.com