ดิเรก พรสีมา*
อภิชาติ ทองน้อย**
o อันดับแรกเราจะต้องรู้ว่าพลังอำนาจของครูที่แท้จริงแล้วเป็นอย่างไร พลังอำนาจของครูก็คือ การที่ครูสามารถกำหนดเป้าหมายของการเรียนการสอนในแต่ละปี แต่ละภาคเรียน แต่ละเดือน แต่ละสัปดาห์ได้ว่า สิ้นปีการศึกษานี้เราสอนเด็กให้เด็กเป็นอย่างไร มีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร คำว่ารูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไรก็คือในแง่ความดีอยากให้เด็กเป็นอย่างไร ในแง่ความเก่งอยากให้เด็กเป็นอย่างไร และในแง่ความสุขอยากให้เด็กเป็นอย่างไร
o มาตรฐานของชาติจะพูดถึงอยู่กลางๆ หรือพูดในเชิงนโยบายในลักษณะนามธรรมว่าอยากให้เป็นอย่างไร แต่โรงเรียนของเราในสภาพแวดล้อมอย่างนี้ บริบทอย่างนี้ ผลการทดสอบเมื่อปีที่แล้วเป็นอย่างนี้ ผลจากการสังเกตในแง่คุณธรรม ในแง่จริยธรรม ในแง่ความซื่อสัตย์ ความกตัญญูรู้คุณหรืออะไรทั้งหลาย จริยธรรมอะไรทั้งหลายเป็นอย่างนี้ ในแง่สุขภาพจิตเป็นอย่างนี้ ดังนั้น คนที่มีพลังอำนาจจะสามารถกำหนดได้ว่า สิ้นปีนี้จะได้ผลในแง่แต่ละเรื่องเป็นอย่างไร เพิ่มขึ้นเป็นเท่าไหร่ ทีนี้พอรู้ว่าจะได้เพิ่มขึ้นเป็นเท่าไหร่ เขาจะต้องรู้ว่าจะต้องทำให้เพิ่มขึ้นได้อย่างไร มีวิธีอย่างไร โดยส่วนหนึ่งหลักสูตรก็ให้กรอบให้แนวปฏิบัติไว้กว้างๆ หลักสูตรแกนกลางก็จะให้ไว้กว้างๆ ฉะนั้นเขาจะต้องรู้ว่าเขาจะใช้ตำราของใครเป็นตำราหลักในการจัดการเรียนการสอน ใช้สื่ออะไรเป็นสื่อหลักในการจัดการเรียนการสอนในแต่ละเรื่องแต่ละเนื้อหา ใช้แหล่งเรียนรู้ที่ไหนบ้าง และจะจัดกิจกรรมการเรียนการสอนอย่างไร เป้าหมายที่เขากำหนดไว้ไม่ว่าจะเป็นความดีหรืออะไร ความดี ความเก่ง ความสุขก็ตามที่เขากำหนดไว้ มันถึงจะเกิด
o นอกจากนั้นจะต้องรู้เขาจะมีวิธีวัด วิธีประเมินอย่างไร ถ้า Formative มาแล้วเห็นว่า เด็กบางคนมันเรียนช้า ต้องการความช่วยเหลือ หรือว่า Formative เรื่องคุณธรรม จริยธรรม มีนิสัยเกเร ไม่สุภาพเรียบร้อย ไม่กตัญญูรู้คุณ จะทำอะไร จะช่วยเด็กพิเศษเหล่านี้อย่างไร จะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงมาตรฐานการสอนของตนเองอย่างไรในแง่สื่อการสอน วิธีการสอน จะเปลี่ยนตำราเปลี่ยนอะไรอย่างไร ครูที่มีพลังอำนาจจะคิดเรื่องเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี คิดและลงมือทำ
o เขายังไม่ได้คิด และยังไม่ได้ทำ ทั้งๆ ที่กฎหมายหลายอย่างก็ให้อำนาจเขาไป เพราะว่าให้บริหารแบบมีส่วนร่วม ให้โรงเรียนทำ PDCA ในเรื่องวิชาการ งบประมาณ บุคคล และเรื่องบริหารทั่วไปให้เขาทำเองเลย เขาก็ไม่ได้ทำ เขาไม่ทำ
o ส่วนหนึ่งที่ครูไม่ทำก็เพราะว่า รอผู้บริหารโรงเรียน ส่วนหนึ่งก็ฟังเสียงผู้ปกครอง ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะมันมีวัฒนธรรมการทำงานครอบงำอยู่ แล้วก็มีกรอบงานครอบงำอยู่ คำว่ากรอบงานที่ว่านี้ก็คือเรื่องวิธีการ กฎเกณฑ์ กติกา วิทยฐานะ คือ บอกว่าทำสิ่งนี้ไปแล้วจะช่วยให้การทำวิทยฐานะผ่านหรือเปล่า จะทำให้ได้รับการเลื่อนวิทยฐานะหรือเปล่า นอกจากนั้นยังต้องโดนกรอบของการประเมินภายในและประเมินภายนอกครอบงำ แล้วก็มีกรอบจาก สพท. และกรอบจาก สพฐ. มีกติกา มีระเบียบปฏิบัติในเรื่องต่างๆ ครอบงำอยู่ คือ มัวแต่พะวงและระแวงว่ามันมีกฎระเบียบครอบงำอยู่ แต่วิธีการที่จะทำให้ครูมีพลังอำนาจเพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งก็อยู่ที่ตัวครูนั่นเอง
-----------------------------------------------------
* ดร.ดิเรก พรสีมา : ประธานคณะกรรมการคุรุสภา (ผู้ให้สัมภาษณ์)
** อภิชาติ ทองน้อย : อาจารย์มหาวิทยาลัย, นักวิจัยอิสระ (ผู้สัมภาษณ์)
บทความนี้สัมภาษณ์เมื่อวันเสาร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2553
ณ มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย จังหวัดปทุมธานี
สงวนลิขสิทธิ์
หากต้องการนำเนื้อหาในบทความไปเผยแพร่ในเชิงวิชาการ
กรุณาติดต่อขออนุญาตทางอีเมลนี้ : ashtonbkk@gmail.com